วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2024 เวลา 15 : 22 น.
Masjid News
You are here: Home >> บทความศาสนา >> หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ
หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ

หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ

อิสลามเบื้องต้น : หลักศรัทธา (รูก่นอีหม่าน) 6 ประการ

1. ศรัทธาในพระองค์เดียว

อิสลามถือว่าในสากลจักรวาลทั้งหลายมีพระเจ้าที่เที่ยงแท้เพียงองค์เดียวเป็นผู้สร้างสากลจักรวาลและเป็นผู้บริหารควบคุม  โลกนี้มิใช่เกิดมาโดยบังเอิญถ้าเกิดโดยบังเอิญมันจะมีระเบียบแบบแผนในการโคจรไม่ได้โลกและดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ได้หมุนโคจรอย่างมีระบบรักษาตำแหน่งหน้าที่ของมันอย่างคงเส้นคงวานับเป็นเวลานานไม่รู้กี่ล้านปีโดยที่มันไม่เคยได้ชนกันเลยนี่ต้องแสดงว่ามีผู้บริหารและต้องมีผู้ควบคุมมัน

2. ศรัทธาในบรรดามลาอีกะฮ์ของพระองค์

มลาอีกะฮ์ คือผู้ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับศาสดาทั้งหลายเพื่อจะได้ให้ศาสดาดังกล่าวได้เข้าถึงอัลลอฮ์มนุษย์เราแม้จะมีปัญญาสักปานใดก็ต้องอาศัยสื่อภายนอกด้วยเหมือนกันเช่นมนุษย์นั้นแม้จะมีสายตาดีสักเพียงใดก็ตามเขาก็ไม่สามารถมองเห็นวัตถุใด ๆได้เลยถ้าหากไม่มีแสงสว่างเป็นสื่อคำว่ามลาอีกะฮ์หาคำศัพท์แปลเป็นภาษาไทยไม่ได้มลาอีกะฮ์ เป็นนามธรรมไม่ใช่เทวทูต, เทวดา, ทูตสวรรค์แต่ในศาสนาอิสลามถือว่ามลาอีกะฮ์ไม่มีเพศไม่ขัดขืนคำสั่งของอัลลอฮ์ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่หลับไม่นอนมลาอีกะฮ์ คืออำนาจแห่งความดีส่วนอำนาจแห่งความชั่วนั้น คือชัยตอน หรือซาตานหรือมาร นั่นเองดังนั้น มลาอีกะฮ์จึงไม่ใช่เทวดาและนางฟ้า

3. ศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์

มุสลิมต้องเชื่อถือต้นฉบับเดิมของคัมภีร์ทั้งหลายทุกๆเล่มในอดีตรวมทั้งอัล-กุรอานด้วยทั้งนี้โดยมีเงื่อนไขว่าคัมภีร์เหล่านั้นต้องเป็นวะฮีย์ (ได้รับการดลใจ)มาจากอัลลอฮ์และต้องมีเนื้อหาสาระตรงกับอัล-กุรอานมุสลิมต้องเชื่อถือในส่วนบริสุทธิ์ของคัมภีร์เท่านั้นอิสลามถือว่าคัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุดและเป็นคัมภีร์สุดท้ายคือคัมภีร์อัล-กุรอาน ไม่ว่าศาสดาเหล่านั้นจะปรากฎชื่ออยู่ในคัมภีร์อัล-กุรอานหรือไม่ก็ตามไม่ว่าศาสดาเหล่านั้นจะเป็นชนชาติใดอยู่ที่ไหนพูดภาษาอะไรก็ตามมุสลิมต้องให้เกียรติยกย่องบรรดาศาสดาเหล่านั้นอย่างเท่าเทียมกันหมดศาสดามุฮัมมัด  เป็นศาสดาสุดท้ายของโลกที่มารับภารกิจต่อจากศาสดาก่อนๆที่เชิญชวนมนุษย์ให้รู้จักพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระองค์ศาสดามุฮัมมัด  ได้กล่าวว่าหลังจากท่านแล้วจะไม่มีศาสดาเกิดขึ้นมาอีกเพราะถือว่าท่านได้นำคำสอนหรือแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตที่สมบูรณ์มาสู่มนุษยชาติแล้ว

4. ศรัทธาในบรรดารอซูลของพระองค์

บรรดารอซูลที่สำคัญมี 25 ท่าน ท่านนาบีอาดำ เป็นรอซูลท่านแรกของพระองค์ และท่านนาบีมูฮัมหมัด (ซล.) เป็นรอซูลท่านสุดท้าย

5. ศรัทธาในวันสุดท้ายและการเกิดใหม่ในวันปรโลก

อิสลามถือว่าโลกที่เราอาศัยอยู่นี้เป็นเพียงวัตถุธาตุชิ้นหนึ่งซึ่งต้องมีการแตกสลายเหมือน ๆกับวัตถุหรือสิ่งอื่น ๆแน่นอนโลกของเราต้องถึงจุดจบไม่วันใดก็วันหนึ่งเมื่อโลกแตกสลายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับสิ้นนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้นที่ยังดำรงอยู่และมนุษย์ทั้งหลายก็จะไปเกิดใหม่อีกครั้งแต่จะไปเกิดสภาพใดนั้นไม่มีมนุษย์ผู้ใดรู้ได้การเกิดใหม่อีกครั้งนี้ก็เพื่อที่จะให้มนุษย์รับผลตอบแทนตามที่เขาได้กระทำไว้เมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิตอยู่ผลงานของเขาในโลกนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเขาจะเป็นผู้ได้รับสวรรค์หรือนรกไม่มีใครช่วยใครได้ไม่มีการกลับชาติมาเกิดถ้าเราไม่เชื่อในเรื่องการเกิดใหม่แล้วสังคมของเราก็จะสับสนปั่นป่วนวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้ดังเช่น พวกอรับในยุคญาฮีลียะฮ(ยุคแห่งความโง่เขลา งมงาย)ซึ่งเชื่อว่าเมื่อพวกเขาเกิดมาแล้วก็ตายไปคือ ตายแล้วสูญเหมือนดังสัตว์อื่น ๆความดีความชั่วที่เขาได้กระทำมานั้นไม่มีการตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ชีวิตความเป็นอยู่ไปในทางชั่วช้าทุกรูปแบบจนสร้างความเสียหายปั่นป่วนให้แก่สังคมเป็นอย่างยิ่ง

6. ศรัทธาในกฎกำหนดสภาวะของพระองค์

ต้องศรัทธาว่าสรรพสิ่งทั้งหลายในสากลจักรวาลนี้ล้วนเกิดขึ้นมาและดำเนินไปตามกฎเกณฑ์ของอัลลอฮ์ทั้งสิ้นเช่น ไฟมีคุณสมบัติร้อนน้ำไหลลงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำแพะ แกะ วัว ควาย สุนัขออกลูกเป็นตัว นก เป็ด ไก่ออกลูกเป็นไข่ต้นมะม่วงต้องออกลูกเป็นมะม่วงต้นกล้วยจะออกลูกเป็นแอปเปิ้ลไม่ได้ทุก ๆ ชีวิตต้องตายนี่คือกฎกำหนดสภาวะของอัลลอฮ์หมายความว่ากฎธรรมชาติทั้งหลายนั้นอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงสร้างและควบคุมมันส่วนการกำหนดสภาวะในหลักจริยธรรมความดี- ความชั่วนั้นพระองค์จะเป็นผู้บอกเราเองว่าอะไรคือความดีและอะไรคือความชั่วแต่สิ่งที่ใช้วัดความดีความชั่วนั้นในอิสลามถือว่ามันไม่ได้มาจากมติบุคคลหรือมติของมหาชนมิได้อาศัยขนบธรรมเนียมประเพณีหรือความนิยมหรือสิ่งแวดล้อมเป็นเครื่องกำหนดเพราะถ้ามนุษย์เป็นผู้กำหนดความดีความชั่วแล้วมาตรฐานความดีของมนุษย์ก็จะแตกต่างกัน

การที่มนุษย์ได้กระทำความดีความชั่วนั้นอัลลอฮ์ไม่ได้เป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตของเขาไว้ล่วงหน้ามาก่อนเลยสิ่งเหล่านี้มันขึ้นอยู่กับการกระทำหรือการตัดสินใจของมนุษย์เองเพราะอัลลอฮ์ได้ให้ความคิดอิสระเสรีแก่เขาในการที่เขาจะเลือกทางเดินของเขาเองดังนั้นเหตุการณ์ต่าง ๆที่สับสนวุ่นวายอยู่ในบ้านเมืองหรือสังคมนั้นมันเกิดขึ้นมาจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองทั้งสิ้นมิใช่เกิดขึ้นจากการกำหนดหรือการลิขิตของพระผู้เป็นเจ้าความจน ความรวย ความทุกข์ทรมานความทุกข์ยาก ความขมขื่นที่เกิดแก่มนุษย์นั้นก็เนื่องมาจากผู้ปกครองขาดความรับผิดชอบนั่นเองการที่อัลลอฮ์ไม่ได้เป็นผู้ขีดชะตากรรมของผู้ใดล่วงหน้ามานั้นก็เพื่อที่จะให้มนุษย์ได้มีความรับผิดชอบในการงานของตนเองที่ได้กระทำไว้

ที่มา : www.muslimthai.com

8 comments

  1. ซิตี้มารีน่า

    อยากได้รูก่นอิสลาม

  2. ต้องการเข้านับถือศาสนาอิสลามต้องทำไงบ้าง

  3. อัลฮัมดุลินละห์

  4. ขอบคุนค่า สำหรับข้อมูลดีๆๆ น่ะค่ะ

  5. ได้ความรู้เยาะเลยค่ะ

  6. ขอบคุณนะ่ค่า ที่ให้ข้อมูน

  7. อยากได้รูก่นอิสลาม

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*