คุณค่าแห่งรอมฎอน
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย
ขณะนี้เราได้ดำเนินชีวิตในต้นช่วงเดือนรอมฎอนมาพอสมควรแล้ว เราได้เปลี่ยนแปลงกิจกรรมการดำเนินชีวิตของเราในช่วงนี้ไปมากน้อยเพียงใด แม้ว่าในการถือศีลอดมีข้อกำหนดมากมายที่เกี่ยวกับการกินการดื่มและอื่นๆ นั่นคือการพักหรือการหยุดพัก เพื่อที่จะมีความพร้อมในการทำงานที่หนักและต้องการความสำเร็จต่อไปในอีก 11 เดือนข้างหน้านี้ การเปลี่ยนแปลงตนเองของเราจากการถือศีลอดเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายสูงสุดตามที่พระองค์ได้กล่าวไว้ในโองการ อัล บะเกาะเราะห์ (183) เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงข้อกำหนดหลักแห่งเป้าหมายของการทำอิบาดัรเพื่อพระองค์
ดังนั้นจึงขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลาย จงยำเกรงต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้มากๆ แท้จริงพระองค์นั้น ทรงกรุณาปราณีต่อทุกๆ ท่าน พระองค์ทรงให้อภัยต่อมนุษย์ หากมนุษย์นั้น มีการกระทำหรือละเว้นการกระทำ เพื่อพระองค์ ตามที่ศาสนทูตได้ดำเนินภารกิจตามที่พระองค์ทรงกำหนด
ท่านทั้งหลาย อิบาดัรทุกอิบาดัรแห่งอัลอิสลาม มีจุดมุ่งหมายเดียวนั่นคือเพื่อความยำเกรงต่อพระองค์ ดังโองการอัลมาอิดะห์
ความว่า ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีเพื่ออัลลอฮ์ เป็นพยานด้วยความเที่ยงธรรมและจงอย่าให้การเกลียดชังพวกหนึ่งพวกใด ทำให้พวกเจ้าไม่ยุติธรรม จงยุติธรรมเถิด มันเป็นสิ่งที่ใกล้กับความยำเกรงยิ่งกว่า และพึงยำเกรง อัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้น เป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเป้าหมายของการกระทำที่มุ่งเน้นเพื่อพระองค์ การประกอบศาสนกิจของมุสลิม จึงอยู่บนเป้าหมายเดียวเท่านั้น หาใช่เป้าหมายอื่นใดไม่ เพราะเป้าหมายอื่นๆ เป็นเป้าหมายแห่งมัคโลคหรือสิ่งที่ถูกสร้าง แต่สำหรับพระองค์แล้ว ความยำเกรงต่อพระองค์ เป็นโฟกัสแห่งอามั้ลอิบาดัรของมุสลิม การอดอาหาร การบริจาคทาน (ซาก๊าต) มีวัตถุประสงค์ ที่พระองค์จะทรงทดสอบพวกเราโดยที่เรายังมีชีวิต เรายังมีความหวงแหนเพื่อตนเอง เรามีจิตมุ่งตรงเพื่อความสบายใจและความสุขของเรา จนเราหลงลืมไปว่า สักวันหนึ่งนั้น เราต้องกลับไปหาพระองค์ และเราต้องแสดงออกซึ่งการกระทำของเราทุกๆ เรื่อง จะมีพยานมายืนยันต่อพระองค์ถึงพฤติกรรมของเราขณะที่เรายังมีชีวิตเดียว ดังนั้น หากเรามีกิจกรรมที่มุ่งเน้นเพื่อตนเอง เพื่อให้คนอื่นๆ ได้ยอมรับในความสามารถหรือกำลังทรัพย์ของเรามากเกินไปกว่าการที่เราบริจาคเพียงมุ่งแสดงออกให้คนอื่นๆ มาสรรเสริญเยินยอ มากกว่าความยำเกรงต่อพระองค์
ดังนั้น จึงขอเน้นย้ำถึงการดำเนินชีวิตของเรา การประกอบศาสนกิจของเรา จงมีทิศทาง ที่ชัดเจน หาใช่เป็นการแสดงออกถึงความโอหัง ความโอ้อวด มากไปกว่าการแสดงออกถึงความยำเกรงต่อพระองค์ ซึ่งในช่วงเดือนนี้ ตลอดทั้งเดือน เป็นช่วงที่เราสนุกกับการทำอิบาดัร ซึ่งในรุ่ก่นอิสลามทั้ง 5 ประการนั้น เราต่างมุ่งเร่งกระทำ ทั้งที่เป็นซุนนะห์ สุนัต และฟัรดู กันอย่างมาก ซึ่งแต่ละคนมีจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรากำหนดหางเสือ (ความตั้งใจ) ไว้เช่นไร เป้าหมายที่แท้จริงจะมุ่งสู่สิ่งนั้น และหากเป้าหมายของเรามิได้มุ่งตรงต่อพระองค์ นั่นคือความสูญเปล่าในการกระทำของเรา ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ อัลอะห์รอฟ
ความว่า จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่า พระเจ้าของฉันได้ทรงสั่งให้มีความยุติธรรม และพวกเจ้าจงผินให้ตรงซึ่งใบหน้า (หมายถึงจิตใจด้วย ในทำนองเดียวกับคำว่ามุ่งหน้าไป หมายถึงจิตใจมุ่งด้วย ดังนั้นคำว่า “จงให้เที่ยงตรงซึ่งใบหน้า” นั้นจึงหมายถึงให้ทั้งใบหน้าและจิตใจมุ่งสู่อัลลอฮ์โดยเที่ยงตรงขณะประกอบอิบาดะฮ์ในทุกมัสยิด) ของพวกเจ้า ณ ทุก ๆมัสยิด และจงวินวอนต่อพระองค์ในฐานะผู้มอบอิบาดะฮ์ทั้งหลายแด่พระองค์โดยบริสุทธิ์ใจ เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบังเกิดพวกเจ้าแต่แรกนั้น พวกเจ้าก็จะกลับไป (คือกลับไปหาอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์)
ท่านทั้งหลาย ทุกๆ การกระทำของเราจะถูกบันทึกไว้เพื่อเป็นการตรวจสอบสำหรับพระองค์ ซึ่งแต่ละคนจะถูกบันทึกพฤติกรรมทั้งในที่ลับที่ที่เปิดเผย ทั้งกิริยา วาจา และจิตใจ เพื่อเป็นการชี้แจงต่อพระองค์ในวันแห่งการตัดสิน ขอให้พิจารณาโองการจากซูเราะห์ อั้ลอะห์รอฟ
ความว่า สำหรับเขามีมะลาอิกะฮฺผู้เฝ้าติดตามทั้งข้างหน้าและข้างหลังเขา (สำหรับมนุษย์นั้นมีมะลาอิกะฮฺที่ได้รับมอบหมายคอยเฝ้าติดตาม โดยเปลี่ยนเวรกันเหมือนยามเฝ้าสถานที่ราชการ) รักษาเขาตามพระบัญชาของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺจะมิทรงเปลี่ยนแปลงสภาพของชนกลุ่มใด จนกว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงสภาพของพวกเขาเอง(อัลลอฮฺจะมิทรงให้ความโปรดปรานของพระองค์สูญสิ้นไปจากกลุ่มชนใด เว้นแต่กลุ่มชนนั้นจะทรยศต่อความโปรดปรานของพระองค์ ด้วยการเอาของแปลกปลอมของเลวเข้ามาแทนที่) และเมื่ออัลลอฮฺทรงปรารถนาความทุกข์แก่ชนกลุ่มใดก็จะไม่มีผู้ตอบโต้พระองค์(คือถ้าพระองค์จะนำความหายนะหรือการลงโทษของพระองค์มาสู่กลุ่มชนใด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถจะตอบโต้หรือป้องกันพระประสงค์ของพระองค์ได้) และสำหรับพวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือนอกจากพระองค์
ดังนั้น จึงขอเรียนย้ำต่อตนเองและท่านทั้งหลาย จงตรวจสอบตนเอง การกระทำของตนเอง เจตนาในจิตใจในการกระทำอิบดัรของเรา ในการปฏิบัติตนในเดือนรอมฎอน ซึ่งเรามุ่งมั่นประกอบอิบาดัร ทั้งจากกำลังกาย ใจ วาจา และกำลังทรัพย์ เพื่อปลดแอกความหวงแหนให้เกิดการแบ่งปันต่อเพื่อนมนุษย์ มากกว่าการมุ่งเก็บเกี่ยวไว้เพื่อความสุขของตนเอง เราได้ใช้เวลาของเราในแต่ละวันในเดือนนี้ เพื่อแสวงหาความโปรดปราณต่อพระองค์ เราใช้เวลาในแต่ละวัน ให้หมดไปเพื่อการประกอบศาสนิกที่มีคุณค่าและความสำคัญ มากกว่าเดือนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นว่า เราเจตนาแสวงหาและให้ความสำคัญต่อคุณค่าแห่งเดือนรอมฎอน ซึ่งสำหรับเราแล้วรอมฎอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาครั้งสุดท้ายแห่งชีวิตของเรา เราจึงมุ่งเน้นปฏิบัติศาสนกิจและอิบาดัรที่ดีโดยมีจุดมุ่งตรงต่อพระองค์ ให้มากที่สุด ให้เกิดความยำเกรงต่อพระองค์ หาใช่เรากระทำเพื่อเป็นการโอ้อวดหรือประกาศศักดาความโอ้อวดเพื่อให้คนอื่นๆ ยำเกรงเรา เพราะนั่นคือภารกิจของชัยตอน เป็นภารกิจที่ทำให้เราทำอิบาดัรไปโดยสูญเปล่า เสียทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์ และผลลัพธ์ ณ พระองค์แล้ว เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แล้วเราจะไม่ได้รับการตอบแทนจากพระองค์ เลยแม้แต่น้อย ขอให้เราระมัดระวังในเรื่องนี้ให้มากที่สุด สุดท้ายขอเตือนตนเองและท่านทั้งหลายจงพิจารณา ต่อไปนี้
การกระทำใดๆ ของเรา ที่จะปรากฏเป็นหลักฐานในวันแห่งการตัดสินนั้น เราอย่าได้ฆ่าตนเองด้วยการกระทำที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่มุ่งตรงต่อพระองค์ ซึ่งในเดือนอันสำคัญนี้ก็เช่นกัน นแห่งการตัดสินนั้น เราอย่าได้ฆ่าตนเองด้วยการกระทำที่ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายที่มุ่งตรงต่อพระองค์ ซึ่งในเดือนอันสำคัญนี้ก็เช่นกัน เรามุ่งมั่นกระทำอิบาดัรรในเรื่องใดๆ ขอให้เรากระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์อย่างเป็นผู้ยำเกรงต่อพระองค์ เราแสวงหาคุในเรื่องใดๆ ขอให้เรากระทำด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์อย่างเป็นผู้ยำเกรงต่อพระองค์ เราแสวงหาคุณค่าแห่งเดือนอันยิ่งใหญ่นี้ ก็ขอให้ได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่บกพร่อง และแสวงหาความยำเกรงต่อพระองค์ให้มากๆ คุณค่าแห่งเดือนรอมฎอนที่ดีที่สุดนั้นจึงอยู่ที่ตัวเรา ขอให้เราอดทน หัวเราะให้น้อยลง ร้องให้ให้มากขึ้น หวงแหนให้น้อยลง แบ่งปันให้มากขึ้น นอนหลับให้น้อยลง ทำอิบาดัรให้มากขึ้น แล้วเราจะมีความสุขและมองเห็นคุณค่าแห่งเดือนอันสำคัญนี้
โดย ณัฐวุฒิ หมาดหมีน